บริการช่วยเหลือ
สหภาพยุโรปจะเริ่มนำเอาระบบการเข้า/ออกใหม่ (EES) มาใช้กับพรมแดนของเขตเชงเก้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ระบบนี้จะใช้แทนกระบวนการประทับตราหนังสือเดินทางแบบแมนนวล โดยจะทำการบันทึกการเข้าและออกของคุณในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งรวมไปถึงรายละเอียดพื้นฐานและข้อมูลไบโอเมตริกซ์ (เช่น ลายนิ้วมือและรูปภาพใบหน้า)
หากคุณไม่ใช่พลเมืองของสหภาพยุโรป/เขตเชงเก้น และคุณเดินทางไปหรือกลับจากเขตเชงเก้นเพื่อเข้าพักระยะสั้น (ไม่เกิน 90 วันในช่วงระยะเวลา 180 วัน) EES จะมีผลบังคับใช้กับคุณ
เมื่อคุณเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่พรมแดนจะทำการเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ของคุณ (ลายนิ้วมือและรูปภาพใบหน้า) พร้อมกับรายละเอียดหนังสือเดินทางของคุณ ข้อมูลนี้จะได้รับการจัดเก็บอย่างปลอดภัยในฐานข้อมูล EES
ในการเข้าประเทศครั้งต่อไป คุณไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนทั้งหมดนี้อีกต่อไป เนื่องจากข้อมูลของคุณจะอยู่ในระบบเรียบร้อยแล้ว การเข้า/ออกของคุณจะได้รับการบันทึกในรูปแบบดิจิตัล
พลเมืองของสหภาพยุโรป ผู้มีถิ่นพำนักในเขตเชงเก้น และผู้ถือวีซ่าระยะยาวหรือใบอนุญาตพำนักจะไม่ได้รับผลกระทบ
โปรดเผื่อเวลาเพิ่มเติมสำหรับขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะในการเดินทางครั้งแรกหลังจากที่เปิดใช้งานระบบ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมหน้ารายละเอียดEU EES อย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม จะไม่อนุญาตให้ใช้หรือชาร์จเพาเวอร์แบงค์ในเที่ยวบินของเอมิเรตส์อีกต่อไป ลูกค้ายังคงสามารถนำเพาเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องได้เป็นสัมภาระที่นำติดตัวขึ้นเครื่องหนึ่งอัน ไม่อนุญาตให้รวมเพาเวอร์แบงค์ในสัมภาระที่เช็คอิน
เพาเวอร์แบงค์สามารถมีความจุได้ไม่เกิน 100 วัตต์ชั่วโมง (Wh) และจะต้องมองเห็นระดับความจุได้ชัดเจนบนตัวเพาเวอร์แบงค์
ไม่สามารถเก็บเพาเวอร์แบงค์ในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะบนเครื่องบินได้
คุณต้องเก็บเพาเวอร์แบงค์ไว้ในกระเป๋าที่วางใต้ที่นั่งด้านหน้าของคุณหรือช่องที่นั่งด้านหน้าคุณ
ไม่สามารถใช้เพาเวอร์แบงค์เพื่อชาร์จอุปกรณ์ส่วนตัวใดๆ บนเครื่องได้และไม่อนุญาตให้ชาร์จเพาเวอร์แบงค์
มาตรการที่เข้มงวดเหล่านี้ได้รับการออกแบบเพื่อลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเพาเวอร์แบงค์ในระหว่างเที่ยวบิน
หากต้องการรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูได้ที่หน้านโยบายวัตถุอันตราย