เกี่ยวกับเรา
บทนำ
1984
ในปี 1984 ท่านเชค อาห์เมด บิน ซาอีด อัล มัคตูม ซึ่งในขณะนั้นคือรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสมาชิกของราชวงศ์ดูไบ ได้ชักชวน เซอร์มัวริซ ฟลาเนแกน ซึ่งในขณะนั้นคือกรรมการผู้จัดการของ dnata มาเริ่มทำธุรกิจสายการบิน
ภายในเดือนธันวาคมปีนั้น แผนธุรกิจโดยสรุปก็เสร็จเรียบร้อย และได้เลือก “เอมิเรตส์” เป็นชื่อของสายการบิน
1985
1985
1987
0
1992
1992
1992
1993
1994
1998
1998
1999
ผู้โดยสารที่เดินทางมายังท่าอากาศยานนานาชาติดูไบมีจำนวนถึง 11 ล้านคน
ในปีงบประมาณ (1999-2000) สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการผู้โดยสาร 4.7 ล้านคนด้วยฝูงบิน 32 ลำ
มีการเพิ่ม 0 เส้นทาง
เมื่อขึ้นสหัสวรรษใหม่ เครือข่ายทั่วโลกของเอมิเรตส์ได้ขยายไปเป็น 50 เมืองจุดหมายปลายทาง
1990- ริยาด เตหะราน สิงคโปร์ มะนิลา แมนเชสเตอร์ 1991- ลอนดอน ฮีทโธรว์ ฮ่องกง เบรุต 1992- ปารีส โรม ซูริค จาการ์ตา 1993- ดัมมัม มัสกัต 1994- นีซ ลาร์นากา ลอนดอนแกตวิค 1995- โจฮันเนสเบิร์ก ไนโรบี 1996- เอเธนส์ เมลเบิร์น กัวลาลัมเปอร์ 1997- ดาร์ เอส ซาลาม 1998- มอลตา เปชวาร์ 1999- อิสลามาบัด ลาฮอร์ มิวนิค
2000
2000
เอมิเรตส์เป็นสายการบินแรกที่ลงนามสั่งซื้อเครื่องแอร์บัส A380 โดยสั่งซื้อเป็นจำนวนเจ็ดลำ พร้อมทางเลือกสำหรับการสั่งซื้อเพิ่มอีกห้าลำที่งาน Farnborough Air Show
เครื่องบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกรุ่นนี้จะกลายเป็นเครื่องบินสำคัญในฝูงบินของเอมิเรตส์ ตลอดอีกสองทศวรรษข้างหน้า
2004
เอมิเรตส์ได้ลงนามสัญญามูลค่า 100 ล้านปอนด์กับทีมอาร์เซนอล สโมสรใน
พรีเมียร์ลีก ของอังกฤษ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ในสำหรับชื่อสนามกีฬาใหม่เป็นเวลา 15 ปี และเป็นผู้สนับสนุนโฆษณาบนหน้าอกเสื้อทีมเป็นเวลาแปดปี เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2006/07
การต่อสัญญาใหม่ในปี 2012 และ 2018 ทำให้เอมิเรตส์กลายเป็นผู้สนับสนุนโฆษณาบนหน้าอกเสื้อทีมที่ยาวนานที่สุดในพรีเมียร์ลีก และเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์เชิงพันธมิตรที่ยาวนานที่สุดในวงการกีฬาโลก
2005
เอมิเรตส์สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 42 ลำ ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวนมากที่สุดในครั้งเดียว ในวันนี้ สายการบินเอมิเรตส์คือผู้ดำเนินการบินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
2008
2007
0
การขยายเครือข่ายทั่วโลก
2000- บาห์เรน ซิดนีย์ เอ็นเท้บเบ้ มิลาน เชนไน เบอร์มิงแฮม 2001- ดึสเซลดอร์ฟ ไฮเดอราบัด 2002- คาซาบลังกา คาร์ทูม เพิร์ธ มอริเชียส โอซากา โคชิ 2003- มอสโก โอ๊คแลนด์ บริสเบน 2004- ลากอส อักกรา เซี่ยงไฮ กลาสโกว์ เวียนนา นิวยอร์ก ไครสต์เชิร์ช 2005- เซเชลส์ โซล ติรุวนันทปุรัม 2006- อาบีจาน ฮัมบูร์ก กัลกัตตา แอดดิสอาบาบา ปักกิ่ง ตูนิส เบงกาลูรู 2007- เวนิส นิวคาสเซิล เซาเปาลู อาเมดาบัด โตรอนโต ฮุสตัน 2008- เคปทาวน์ กวางโจว ลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก 2009- เดอร์บัน ลูอันดา
2010
2012
เอมิเรตส์และควอนตัสได้ลงนามเป็นพันธมิตรทางการค้าอย่างครอบคลุม เพื่อให้บริการลูกค้าทั้งสองสายการบินในเชื่อมต่อกับเครือข่ายทั่วโลกและทวีปออสเตรเลียอย่างไม่ติดขัด มอบสิทธิประโยชน์สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางบ่อย และประสบการณ์เดินทางระดับโลก
การร่วมงานกันเป็นเวลา 10 ปีนี้ จะเป็นมากกว่าแค่การใช้รหัสร่วมกัน แต่ยังรวมถึงการประสานงานเครือข่ายที่บูรณาการร่วมกัน การร่วมกำหนดราคา การขาย และการกำหนดตารางเวลา และรูปแบบการแบ่งผลประโยชน์ด้วย
2013
อาคารเทียบเครื่องบิน A ที่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์การใช้งานสำหรับเครื่อง A380 เป็นแห่งแรกของโลก ช่วยขยายการรองรับผู้โดยสารของสนามบินได้ถึง 75 ล้านคนต่อปี
อาคารเทียบเครื่องบิน A คือบ้านของฝูงบิน A380 ของเอมิเรตส์ ประกอบด้วยห้องรับรองผู้โดยสารชั้นธุรกิจและชั้นหนึ่งของสายการบินเอมิเรตส์ที่มีเนื้อที่กว้างกว่า 19,000 ตร.ม. พร้อมการขึ้นเครื่องไปยังชั้นบนของเครื่องบิน A380 ได้โดยตรง
2014
2016
2017
2017
เอมิเรตส์ได้กลายเป็นสายการบินแรกของโลกที่ได้ให้บริการห้องชุดส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่ปิดรอบด้าน เพื่อความหรูหราและความเป็นส่วนตัวซึ่งไม่มีใครเทียบได้
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบโดย Mercedes Benz โดยได้มีการแนะนำผ่านทางแคมเปญโฆษณาทั่วโลกโดย Jeremy Clarkson ผู้มีชื่อเสียงในวงการโทรทัศน์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทาง
2019
เอมิเรตส์ได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 จำนวน 30 ลำ มูลค่า 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามราคาขายที่งาน Dubai Airshow
ซึ่งเพิ่มจากคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A350 มูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เอมิเรตส์ได้สั่งซื้อเครื่องบินทั้งหมดที่งาน Dubai Airshow คิดเป็นมูลค่า 24.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
2019
มีผู้โดยสารที่เป็นอาสาสมัครกว่า 540 คนจาก 145 ประเทศที่ขึ้นเครื่อบินของสายการบินเอมิเรตส์ในเที่ยวบิน EK2019 โดยทำลายสถิติโลกของบันทึกสถิติโลกกินเนสส์จากการมีผู้โดยสารหลากหลายสัญชาติมากที่สุดบนเครื่อง
เที่ยวบิน A380 ที่สำคัญในประวัติศาสตร์นี้แสดงถึงวันชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ Year of Tolerance ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งแสดงถึงความหลากหลายและความสามัคคีของพลเมืองและผู้มีถิ่นพำนักในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
0
เชื่อมต่อกับโลกไปยัง และผ่านดูไบ
2010- โตเกียว-นาริตะ อัมสเตอดัม ปราก มาดริด ดาการ์ เมดินา 2011- บาสรา เจนีวา โคเปนเฮเกน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แบกแดด 2012- ริโอเดจาเนโร บัวโนสไอเรส ดับลิน ลูซากา ฮาราเร ดัลลัสฟอร์ตเวิร์ธ ซีแอตเทิล โฮจิมินห์ บาร์เซโลนา ลิสบอน วอชิงตันดีซี แอดิเลด ลียง ภูเก็ต 2013- วอร์ซอว์ แอลเจียร์ โตเกียว-ฮาเนดะ สต็อกโฮล์ม คลาร์ค โคนักรี เซียลคอต คาบูล 2014- ไทเป บอสตัน อาบูจา ชิคาโก ออสโล บรัสเซลส์ บูดาเปสต์ 2015- บาหลี ออร์แลนโด โบโลญญา อิสตันบูลผ่านทางสนามบินซาบิฮา กุคแซง 2016- เซบู ฮานอย ย่างกุ้ง ฟอร์ตลอเดอร์เดล 2017- นูอาร์ก ซาเกร็บ พนมเปญ 2018- ลอนดอนสแตนสเต็ด ซานเตียโกเดชิเล เอดินเบิร์ก2019- ปอร์โต เม็กซิโกซิตี้ (ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม)
2020
2021