ข้อมูลสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไวน์สุดพิเศษ

เอมิเรตส์ วินเทจ คอลเล็กชัน

ค้นหาไวน์สุดพิเศษของเรา

หากคุณมองเห็นเครื่องหมายนี้ในไวน์ลิสต์ของชั้นหนึ่ง คุณได้เข้าร่วมรายการนี้ ซึ่งคุณจะได้พบกับไวน์ชั้นเลิศที่หายากที่สุดจากคอลเล็กชั่นไวน์บอร์โดซ์ของเรา ไวน์จากคอลเล็คชั่นวินเทจของเอมิเรตส์จะเก็บอยู่ในห้องเก็บไวน์ของเรานานถึง 15 ปี ก่อนจะพร้อมเสิร์ฟให้คุณได้ลิ้มลองบนเครื่อง เราจะให้บริการไวน์วินเทจแสนวิเศษเหล่านี้ตลอดทั้งปี เฉพาะบนบางเที่ยวบิน มองหาเครื่องหมายนี้เมื่อคุณบินกับเราครั้งถัดไปกับเราสู่อเมริกา ออสเตรเลีย ตะวันออกไกล หรือยุโรป

Château La Mission Haut-Brion 2004

รุ่นปี 2004 คือไวน์วินเทจรุ่นของ La Mission Haut-Brion รุ่นที่สองซึ่งเราเสิร์ฟบนเครื่อง หลังรุ่นปี 1996 ที่เสิร์ฟเมื่อปีที่แล้ว ตั้งอยู่ใจกลางเขตชานเมืองของบอร์โดซ์ ตรงข้ามกับ Château Haut-Brion ซึ่งเป็นดินแดนพี่น้อง ในปี 1983 La Mission ถูกซื้อไปโดย Domaine Clarence Dillon สายสัมพันธ์กับราชวงศ์ (ประธานของบริษัทคือเจ้าชาย Robert แห่ง Luxemburg) และได้รับคะแนนเต็ม 100 จากนักวิจารณ์ไวน์คนดัง Robert Parker ยิ่งส่งให้ไวน์ของที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดัง

รุ่นปี 2004 ให้กลิ่นที่มีความซับซ้อนจากแบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเชอรี่ ยาสูบ และขี้ดินสอ เมื่อจิบและขณะไวน์อยู่ในปากให้สัมผัสแบบมีเดียม-บอดี้ที่แสนวิเศษ จะทิ้งกลิ่นสดชื่นของไม้พุ่มเจือรสเผ็ดของพริกที่ยังคงอบอวลในปากที่ตอนท้าย

Château Montrose 2005

รุ่นปี 2005 เป็นไวน์วินเทจ Montrose ที่เราเสิร์ฟบนเครื่องในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเก็งผู้เข้าแข่งขันเพื่อรับการเลื่อนสู่สถานะ First Growth ผู้ผลิตชั้นนำของ Saint-Estèphe แห่งนี้ มี Martin และ Olivier Bouygues เป็นเจ้าของนับแต่ปี 2006 ไวน์เนอรี่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่พื้นดินที่ประกอบด้วยก้อนกรวดจำนวนมาก แดดส่องถึงทั้งปี และห่างจากปากแม่น้ำ Gironde เพียง 800 เมตร ช่วยให้มั่นใจว่าจะปลอดภัยจากน้ำแข็งจับ

รุ่นปี 2005 ให้กลิ่นผลเร้ดเบอรี่แรง เจอด้วยกลิ่นไม้ซีดาร์ ถ่าน และดอกไม้จาง ๆ ไวน์แบบมีเดียม-บอดี้รสเข้ม พร้อมรสสัมผัสของใบไม้แห้ง สมุนไพรไปจนถึงผลไม้จาง ๆ ทิ้งรสชาติและกลิ่นที่มีความซับซ้อนซึ่งจะยังคงอบอวลอยู่ในปากต่ออีกยาวนาน

Château Léoville Las Cases 1998

นี่คือไวน์วินเทจรุ่นที่สามของ Grand Vin ซึ่งมากจากดินแดนแถบนี้ที่เราเสิร์ฟบนเครื่อง หากคุณเคยเดินทางกับเราในชั้นหนึ่งในปี 2017 คุณอาจจำได้ว่าดื่มไวน์ของปี 1989 บนเส้นทางไปยังอเมริกาเหนือและใต้ และสหราชอาณาจักร

ชาโตว์แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของดินที่สมบูรณ์มากที่สุดในสามพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน Leoville ดั้งเดิมที่กินอาณาเขตกว้างใหญ่ในศตวรรษ 17 ภายใต้การบริหารของ Michel Delon ไวน์ที่ผลิตในพื้นนี้จึงมีคุณภาพถึงระดับ First Growths และเป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำของชาโตว์ในกลุ่ม Second Growth ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ‘super-seconds’

รุ่นปี 1998 มีกลิ่นแบล็คเบอรี่ เชอรี่แห้ง พรุน ควันไม้ รสสัมผัสแบบมีเดียม-บอดี้และโครงสร้างที่ดีเยี่ยม มีกลิ่นยาสูบและใบไม้แห้งเพื่อเพิ่มความลงตัวให้กับทั้งกลิ่นและรสชาติ

Château Cos d’Estournel 2005

กว่าห้าปีที่ผ่านมา เราไม่เพียงแค่เสิร์ฟไวน์ Grand Vin จากดินแดนแห่งนี้เท่านั้น แต่เรายังเสิร์ฟไวน์ขาวและไวน์ Les Pagodes de Cos ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองด้วย ในหลาย ๆ ปีที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นไวน์วินเทจติดอันดับท็อปเทน Cos ได้รับสถานะ Second Growth ในการจัดอันดับโดย Médoc ปี 1855 ที่นี่ปลูกองุ่นสำหรับผลิตไวน์ขาวของบอร์โดซ์ ทั้งหมดราว ๆ 60% สำหรับเบลนด์นี้ และดินที่เป็นโคลนยังหมายถึงที่ดินผืนนี้ยังมีศักยภาพสูงในการปลูกองุ่นพันธ์แมร์โล ซึ่งให้ไวน์ที่มีคุณสมบัติเป็นที่ต้องการของนักดื่ม

รุ่นปี 2005 มีกลิ่นของ crème de cassis แบล็คเชอรี่ ไวโอเล็ตและเครื่องเทศจากดินแดนไกลโพ้น เมื่อจิบและอมอยู่ในปากให้สัมผัสแบบฟูล-บอดี้ รสชาติของผลไม้แบล็คฟรุ้ตที่เข้มข้นที่ซ้อนทับเป็นชั้น ๆ รสฝาดจัด เข้ม และทิ้งรสสัมผัสไว้ยาวนาน

Château Margaux 2004

ความสัมพันธ์ของเรากับ Chateau Margaux ย้อนกลับไปได้ถึงปี 2008 เมื่อครั้งที่เราเสิร์ฟไวน์วินเทจของปี 1982 บนเที่ยวบินปฐมฤกษ์ A380 สู่นิวยอร์ก ไวน์เกรดดีที่สุดของโลกบางส่วนผลิตโดย ‘Versailles of the Médoc’ หลังจากซื้อกิจการในปี 1977 Andre Mentzelopoulos ได้ลงทุนเป็นเม็ดเงินจำนวนมากเพื่อปรับปรุงที่ดินให้ดีขึ้นภายในสองสามปี จนเมื่อเขาเสียชีวิตในปี 1980 ลูกสาวของเขา Corinne เข้ารับสืบทอดกิจการ และดำเนินการเรื่องการพัฒนาไวน์วินเทจให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นในทุกรุ่น

รุ่นปี 2004 ให้กลิ่นราสเบอรี่ เร้ดเคอร์แรนท์ที่เด่นชัด เจือด้วยกลิ่นไม้กล่องซิการ์และกลิ่นถ่านอ่อน ๆ สัมผัสแบบมีเดียม-บอดี้และรสละมุน มีความฝาดที่อบอวนด้วยกลิ่นของผลไม้สีแดงและกลิ่นเปลือกส้มจาง ๆ ที่ยังติดปลายลิ้นหลังดื่ม

Château Mouton Rothschild 2004

หลายสิบปีของความเพียรพยายาม ในที่สุด Baron Philippe de Rothschild ก็ได้เห็นไวน์สุดวิเศษนี้ได้เลื่อนขั้นสู่สถานะ First Growth นับจากสูญเสียสถานะนี้ไปในปี 1855 หากจะกล่าวให้ยุติธรรม มันคือหนึ่งในไวน์ที่ดีที่สุดของโลกเลยทีเดียว ในแต่ละปีฉลากปิดขวดจะแสดงภาพจากศิลปินที่แตกต่างกัน ขวดนี้คือรูปเจ้าชาย Charles ขณะกำลังฉลอง 100 ปีของ Entente Cordiale ปีที่แล้ว เรายังได้เสิร์ฟไวน์วินเทจของปี 2001 ซึ่งมีภาพของ Baroness Philippine de Rothschild ซึ่งเป็นเจ้าของปัจจุบัน

รุ่นปี 2004 มีกลิ่นแบล็คเคอร์เรนท์ ฟรุ๊ตเค้ก ไม้ซีดาร์ และขนมปังปิ้งขึ้นจมูก เมื่อจิบและอมอยู่ในปากให้สัมผัสแบบมีเดียม-บอดี้กับรสฝาดเข้ม และรสบาง ๆ ของป่าที่สดชื่นซึ่งจะยิ่งช่วยเสริมรสของผลไม้ให้จัดขึ้น

สำรวจดินแดนแห่งไวน์ชั้นดีของโลก

เดินทางไปยังปลายทางที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตไวน์ชั้นดีกับเรา และค้นพบไวน์ใหม่ๆ ทั้งไวน์โลกเก่าและไวน์โลกใหม่

ผลิตภัณฑ์และบริการที่ระบุไว้บนเว็บไซต์นี้ อาจจะแตกต่างออกไปตามเส้นทางและลักษณะของเครื่องบิน ประเภทเครื่องบินอาจเปลี่ยนแปลงได้กะทันหันเช่นกัน เนื่องจากความจำเป็นในการปฏิบัติงาน