ข้ามไปยังเนื้อหาหลักข้อมูลสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

ดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ประวัติศาสตร์ดูไบ

เมืองดูไบพัฒนามาจากแหล่งซื้อขายสินค้าในทะเลทรายมาเป็นเมืองที่มีความเป็นนานาชาติมั่งคั่งและมีชื่อเสียงอย่างในวันนี้ได้อย่างไร ติดตามเส้นเวลาของเรา และศึกษาประวัติศาสตร์ของดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ประวัติศาสตร์ช่วงแรก

3000 ปีก่อนคริสตศักราช

หลักฐานทางโบราณคดีสันนิษฐานว่าบริเวณนี้มีผู้คนมาตั้งรกรากอยู่ตั้งแต่ยุคสำริด (Bronze Age)


ช่วงศตวรรษที่ 5 ถึงศตวรรษที่ 7

Jumeirah กลายเป็นจุดพักแรมคาราวานที่เดินทางค้าขายที่เชื่อมโอมานกับอิรักในปัจจุบัน การค้าขายหลักคือ การประมง ต่อเรือ และงมมุก


ศตวรรษที่ 16

อิทธิพลยุโรปเข้ามาผ่านชาวโปรตุเกสที่ต้องการทำมาค้าขายในเส้นทางการค้าแถบนี้

ประวัติศาสตร์ดูไบในช่วงศตวรรษที่ 18 ถึง 20

1793

ช่วงเวลาการต่อสู้กันระหว่างเผ่าและทางการเมือง เผ่า Bani Yas tribe ครองอำนาจทางการเมืองและตั้งรกรากอยู่ในอาบูดาบี


1820

การเจรจากันระหว่างผู้ปครองท้องถิ่นและคนอังกฤษมีผลให้เกิดการพักรบสงบศึกทางทะเลมาอย่างต่อเนื่อง บริเวณนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม ชายฝั่งทรูเชียล (Trucial Coast)


1833

Maktoum Bin Butti ของเผ่า Bani Yas ตั้งรกรากใน Shindagha Peninsula บริเวณปากแม่น้ำ และประกาศตัวเป็นเอกราชจากอาบูดาบี ราชวงศ์ของเขายังปกครองดูไบมาจนถึงปัจจุบัน


ทศวรรษ 1870

ด้วยอุตสาหกรรมทำไข่มุกอันเฟื่องฟู ดูไบจึงเจริญรุ่งเรืองและกลายเป็นท่าเรือหลักของ Gulf coast


1902

ความเจริญของดูไบได้รับการสนับสนุนจากพวกพ่อค้าชาวอิหร่านที่ย้ายถิ่นฐานมา และผู้ตั้งรกรากชาวอาหรับ จากนั้นช่วงเวลาของความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าในท้องถิ่นและกับต่างชาติก็ตามมา ทำให้ดูไบกลายเป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในแหลมอาระเบีย

ประวัติศาสตร์ดูไบในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

ทศวรรษ 1950

การขุดพบน้ำมันในรัฐทรูเชียล (Trucial State)


ทศวรรษ 1960

ชาวอินเดียและปากีสถานในดูไบเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดสิ่งทอรุ่งเรืองอีกครั้ง และมีการค้าขายที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากอนุทวีปของอินเดีย

ประวัติศาสตร์ดูไบในยุคใหม่

1966

ถือเป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในประวัติศาสตร์ดูไบ เมื่อมีการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบ Fateh


1971

เจ็ดรัฐทรูเชียล (Trucial States) อย่าง อาบูดาบี ดูไบ ชาร์จาห์ อัจมาน อุมม์อัลไคเวน ฟูไจราห์ได้ร่วมกันก่อตั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขึ้นมา และเข้าร่วมสันนิบาตอาหรับ ต่อมา ราสอัลไคมาห์ได้เข้าร่วมในอีกหนึ่งปีให้หลัง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบเปิดให้บริการ


1979

ท่าเรือ Jebel Ali เปิดบริการ Dubai World Trade Centre เปิดทำการ ตึกสูงแห่งแรกของเมือง ซึ่งถือเป็นรากฐานโครงการสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ที่ตามมาอีกมากมาย


1985

สายการบินเอมิเรตส์เปิดให้บริการเป็นครั้งแรก เปิดเขตการค้าเสรี Jebel Ali ดึงดูดการลงทุนจำนวนมากจากต่างประเทศ


1996

จัดการแข่งขันม้า Dubai World Cup เป็นครั้งแรก จัดงาน Dubai Shopping Festival


1999

Burj Al-Arab เปิดบริการ และได้รับการยกย่องให้เป็นโรงแรมเจ็ดดาวแห่งเดียวในโลก


2002

Sheikh Mohammed เปิดเขตในดูไบสองเขต – Internet City และ Media City และทำให้อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวพร้อมใช้งานสำหรับการเป็นเจ้าของชาวต่างชาติส่วนตัว


2003

เริ่มโครงการอันทะเยอทะยาน ที่หนึ่งในนี้คือตึกสูงที่สุดในโลกอย่างตึก Burj Khalifa และเกาะ 300 เกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่าง World Islands


2009

อาคารผู้โดยสาร 3 ของสายการบินเอมิเรตส์และรถไฟใต้ดินดูไบเปิดบริการเพื่อรองรับความต้องการด้านการจราจรทั้งทางอากาศและทางถนนที่เพิ่มมากขึ้น


2010

ตึก Burj Khalifa กลายเป็นสิ่งปลูกสร้างจากมนุษย์ที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงกว่า 830 เมตร


2013

ดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เฉลิมฉลองการประสบความสำเร็จในการยื่นขอเป็นเจ้าภาพ World Expo 2020


2016

Sheikh Mohammed ทำพิธีเปิด Dubai Water Canal ซึ่งไหลมาจาก Dubai Creek ผ่านกลางเมืองไปยังอ่าวอาหรับ


2018

เปิดตัว The Dubai Frame สิ่งปลูกสร้างสูง 150 เมตรที่ Zabeel Park ซึ่งจะให้มุมมองแบบพาโนรามาของทั้งเขตเมืองเก่าของดูไบ และตึกสูงระฟ้าของดูไบใหม่